วันอาทิตย์ที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

Eyeliner Tutorial - Pencil, Cream/Gel, Liquid


เทคนิคการเขียนอายไลน์เนอร์สำหรับผู้เริ่มต้น

1.




2.




วันเสาร์ที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

พุทธทำนาย 16 ประการ






ความฝัน 16 ประการของพระเจ้าปเสนทิโกศลที่พระพุทธเจ้าทรงทำนายไว้


1.ทรงฝันว่า มีโคตัวผู้สีเหมือนดอกอัญชัญ 4 ตัว ต่างคิดจะชนกัน ก็พากันวิ่งมาสู่ท้องพระลานหลวงจาก 4 ทิศ ฝูงชนต่างรอดู โคทั้งสี่ก็ส่งเสียงคำรามลั่น แต่แล้วต่างก็ถอยออกไป ไม่ชนกัน

พระ พุทธเจ้าได้ทรงทำนายว่า ในอนาคตในชั่วศาสนาของพระองค์ เมื่อโลกหมุนไปถึงจุดที่เสื่อมลง มนุษย์ไม่ตั้งอยู่ในศีลในธรรม ฝนฟ้าจักแล้ง ทุพภิกขภัยจักเกิดขึ้น คล้ายเมฆตั้งเค้าจะมีฝน มีเสียงคำรามกระหึ่ม แต่แล้วก็ไม่ตก กลับเลยหายไป เหมือนโคตั้งท่าจะชนกัน แต่ไม่ชนกันฉะนั้น

2.ทรงฝันว่า ต้นไม้เล็กๆและกอไผ่ที่โตเพียงคืบบ้าง ศอกบ้าง ก็ออกดอกออกผลแล้ว

พระ พุทธองค์ทรงทำนายว่า ต่อไปเมื่อโลกเสื่อม มนุษย์แม้จะมีอายุเยาว์ มีวัยยังไม่สมบูรณ์ก็จะมีราคะกล้า และสมสู่กันตั้งแต่อายุยังน้อย และจะมีลูกแต่เด็กๆเหมือนต้นไม้เล็กๆ แต่ก็มีผลแล้ว

3.ทรงฝันว่า ทรงเห็นแม่โคใหญ่ๆพากันดื่มนมของฝูงลูกโคที่เพิ่งเกิด

ทรง ทำนายว่า ต่อไปในอนาคตการเคารพนบนอบผู้ใหญ่ เช่น พ่อแม่ ครูบาอาจารย์จะเสื่อมถอย คนเฒ่าคนแก่พ่อแม่เมื่อหมดที่พึ่ง หาเลี้ยงตนไม่ได้ ก็ต้องง้อ ต้องประจบเด็กๆดังที่แม่โคที่ต้องกินนมลูกโคฉะนั้น

4.ทรงฝันว่าผู้คน ไม่ใช้วัวตัวใหญ่ที่สมบูรณ์แข็งแรงเทียมแอกลากเกวียน กลับไปใช้โครุ่นๆที่ยังปราศจากกำลังมาลาก เมื่อมันลากเกวียนให้แล่นไม่ด้ มันก็สลัดแอกนั้นเสีย

ทรงทำนายว่า ในภายหน้าเมื่อผู้มีอำนาจไม่ตั้งอยู่ในธรรม แทนที่จะยกย่องและมอบหมายหน้าที่ให้กับผู้มีสติปัญญา ความรู้ กลับไปมอบยศศักดิ์ให้กับคนหนุ่มที่อ่อนหัด ด้อยประสบการณ์ ทำให้ปฏิบัติหน้าที่ได้ไม่ดี กิจการต่างๆก็ไม่สำเร็จ ก็เหมือนใช้โครุ่นมาเทียมแอก เกวียนก็แล่นไม่ได้ฉันใด ก็ฉันนั้น

5.ทรงฝันว่าเห็นม้าตัวหนึ่ง มีปากสองข้าง ฝูงชนก็เอาหญ้าไปป้อนที่ปากทั้งสองข้าง มันก็กินทั้งสองข้าง

ทรง ทำนายว่า ในอนาคตเมื่อผู้บริหารหรือผู้มีอำนาจไม่ดำรงอยู่ในธรรม ตั้งคนพาล หรือ คนไม่มีศีลธรรมไว้ในตำแหน่งอันมีผลต่อผู้อื่น คนเหล่านั้นก็จะไม่นึกถึงบาปบุญคุณโทษ แต่จะตัดสินคดีต่างๆตามแต่ใจชอบ โดยเอาสินบนจากทั้งสองฝ่ายเป็นประมาณ ดังม้าที่กินหญ้าทั้งสองปาก

6.ทรงฝันว่าฝูงชนเอาถาดทองราคาแพง ไปให้หมาจิ้งจอกแก่ตัวหนึ่ง พร้อมเชื้อเชิญให้หมาจิ้งจอกตัวนั้นถ่ายปัสสาวะใส่ถาดทองนั้น

ทรง ทำนายว่า ต่อไปคนดีมีสกุลทั้งหลายจะสิ้นอำนาจวาสนา คนตระกูลต่ำหรือคนพาลจะได้เป็นใหญ่เป็นโต และคนมีตระกูลก็จะต้องยกลูกสาวให้แก่ผู้ไร้ตระกูลเหล่านั้น เหมือนเอาถาดทองไปให้หมาปัสสาวะรด

7.ทรงฝันว่า มีชายคนหนึ่งนั่งฟั่นเชือก แล้วหย่อนไปในที่ใกล้เท้า แม่หมาจิ้งจอกโซตัวหนึ่งนอนอยู่ใต้ตั่งที่บุรุษนั้นนั่งอยู่ แล้วก็กัดกินเชือกนั้น โดยที่เขาไม่รู้ตัว

ทรงทำนายว่า ในกาลข้างหน้า ผู้หญิงจะเหลาะแหละ โลเล ลุ่มหลงในสุรา เอาแต่แต่งตัว เที่ยวเตร่ ประพฤติทุศีล แล้วก็จะเอาทรัพย์ที่สามีหาได้ด้วยความลำบากไปใช้ หรือให้ชายชู้ เหมือนนางหมาโซที่นอนใต้ตั่งคอยกัดกินเชือกที่เขาฟั่นและหย่อนลงไว้ใกล้เท้า

8. ทรงฝันว่ามีตุ่มน้ำเต็มเปี่ยมตุ่มหนึ่งวางอยู่ตรงประตูวัง แวดล้อมด้วยตุ่มว่างๆเป็นอันมาก แต่คนก็ยังไปตักน้ำใส่ตุ่มที่เต็มอยู่ จนล้นแล้วล้นอีก โดยไม่เหลียวแลจะตักใส่ตุ่มที่ว่างๆนั้นเลย

ทรง ทำนายว่า ในอนาคต เมื่อศาสนาเสื่อม คนเป็นใหญ่หรือมีอำนาจจะเบียดเบียนหรือเอาเปรียบผู้ด้อยกว่า คนที่รวยอยู่แล้วก็จะมีคนจนหารายได้ ไปส่งเสริมให้รวยยิ่งขึ้น ดังฝูงชนที่ต้องตักน้ำใส่ตุ่มใหญ่ที่เต็มอยู่แล้วจนล้น ส่วนตุ่มที่ว่างอยู่กลับไม่ไปใส่น้ำ

9.ทรงฝันเห็นสระแห่งหนึ่งมีบัว นานาชนิดขึ้นอยู่เต็ม และมีท่าขึ้นลงโดยรอบ สัตว์ต่างๆก็พากันดื่มน้ำในสระ แต่แทนที่น้ำบริเวณที่สัตว์เหยียบย่ำจะขุ่น กลับใสสะอาด ส่วนน้ำที่อยู่ลึกกลางสระที่สัตว์ไม่ไปดื่มหรือ เหยียบย่ำแทนที่จะใส กลับขุ่นข้น

ทรงทำนายว่า ต่อไป เมื่อคนมีอำนาจไม่ตั้งอยู่ในธรรม ขาดเมตตา คอยใช้อำนาจ รีดนาทาเร้นหรือกินสินบน ชาวบ้านชาวเมืองก็จะหนีไปอยู่ตามชายแดนหรือที่อื่นๆ ทำให้ที่นั้นๆที่คนพากันไปอยู่มีความมั่นคงเป็นปึกแผ่น เหมือนน้ำรอบๆสระที่ใส ส่วนเมืองหลวงกลับว่างเปล่า เหมือนกลางสระที่ขุ่น

10.ทรงฝันว่า เห็นข้าวที่คนหุงในหม้อใบเดียวกัน สุกไม่เท่ากัน โดยแบ่งออกเป็น 3 ส่วนคือ ข้าวแฉะ ข้าวดิบ และข้าวสุกดี

ทรง ทำนายว่า ในอนาคต เมื่อคนทั้งหลายไม่อยู่ในศีลในธรรมกันมากขึ้น ก็จะทำให้ฝนฟ้าไม่ตกต้องตามฤดูกาล หรือตกไม่ทั่วถึง ทำให้การเพาะปลูกบางแห่งได้ผล บางแห่งก็ไม่ได้ผล เช่นเดียวกับข้าวที่มีสุกบ้าง ดิบบ้าง และแฉะบ้าง

11.ทรงฝันว่าคนนำ แก่นจันทน์ที่มีราคาแพง ไปแลกกับเปรียงเน่า (อ่านว่า เปฺรียง มี 3 ความหมาย คือ 1. นมส้มผสมน้ำแล้วเจียวให้แตกมัน 2.น้ำมันจากไขข้อวัว และ 3.เถาวัลย์เปรียง แต่ในที่นี้น่าจะหมายถึงเถาวัลย์เปรียง เทียบกับแก่นจันทน์ที่เป็นไม้เหมือนกันมากกว่า 2 ความหมายแรก)

ทรง ทำนายว่า กาลภายหน้า พระภิกษุอลัชชีเห็นแก่ได้ทั้งหลาย แทนที่จะนำธรรมะที่พระพุทธองค์สอนไปสอนสั่งให้คนหลุดพ้นจากความทุกข์ และละความโลภ กลับใช้เป็นเครื่องมือเพื่อหากิน หาปัจจัยบริจาคเข้าตัวเอง เหมือนเอาแก่นจันทน์ (ธรรมะคำสอนที่ดี) ไปแลกเอาเถาวัลย์เน่า (ลาภอามิสที่ได้รับมา ซึ่งไม่จีรังและไม่ช่วยให้พ้นทุกข์จริงๆได้)

12.ทรงฝันเห็นกระโหลกน้ำเต้าจมน้ำได้

ทรง ทำนายว่า ต่อไปคำพูดของคนที่ไม่ควรจะได้รับความเชื่อถือ กลับจะได้รับความเชื่อถือ โดยเปรียบถ้อยคำของคนที่ไม่น่าเชื่อว่ามีน้ำหนักเบาเหมือนกับผลน้ำเต้า ซึ่งปกติจะลอยน้ำ แต่เมื่อคนเชื่อว่าคำพูดเหล่านั้นมีน้ำหนัก หรือหนักแน่น จึงเปรียบคำพูดนั้นว่ามีน้ำหน้กราวกับน้ำเต้าที่จมน้ำได้

13.ทรงฝันว่าศิลาแท่งทึบขนาดเรือน ลอยน้ำได้เหมือนเรือ

ทรง ทำนายว่า ถ้อยคำของคนที่ควรได้รับการเชื่อถือ ซึ่งหนักแน่น มีน้ำหนักเปรียบประดุจแท่งศิลา กลับไม่ได้รับความเชื่อถือ หรือกลายเป็นถ้อยคำที่ไม่มีน้ำหนักเหมือนเรือที่ลอยได้ ข้อนี้ตรงกันข้ามกับข้อที่แล้ว คือ คนหันไปเชื่อคำพูดคนที่ไม่ควรเชื่อ เหมือนสิ่งที่ควรลอยกลับจม สิ่งที่ควรจมกลับลอย

14.ทรงฝันว่า ทรงเห็นฝูงเขียดตัวเล็กๆ วิ่งไล่กวดงูเห่าตัวใหญ่ และกัดเนื้องูเห่าขาดเหมือนกัดก้านบัว แล้วกลืนกินเข้าไป

ทรง ทำนายว่า เมื่อมนุษย์ปล่อยตัวปล่อยใจตามกิเลส ราคะ สามีจะตกอยู่ในอำนาจของเมียเด็ก และจะถูกดุด่าว่ากล่าวเช่นเดียวกับคนรับใช้ เหมือนเขียดตัวเล็กๆแต่กลับกินงูได้

15.ทรงฝันว่า ฝูงพญาหงส์ทอง ที่มีขนเป็นทอง ถูกแวดล้อมด้วยกา

ทรงทำนายว่า ในอนาคตผู้มีตระกูลต้องไปเที่ยวประจบ และสวามิภักดิ์ต่อผู้ไม่มีตระกูลเหมือนหงส์ทองแวดล้อมด้วยกา

16.ทรงฝันว่า ฝูงแกะพากันไล่กวดฝูงเสือเหลือง และกัดกิน ทำให้เสืออื่นๆสะดุ้งกลัว จนต้องหนีไปแอบซ่อนตัวจากฝูงแกะ

ทรง ทำนายว่าต่อไปภายหน้า คนชั่ว หรือคนที่ไม่ดีจะเรืองอำนาจ และใช้อำนาจเป็นธรรม ทำให้คนดีถูกทำร้าย หรือไม่ได้รับความเป็นธรรม ต้องหลบหนี ซ่อนตัวจากภัยร้ายเหล่านี้เหมือนเสือซ่อนตัวจากแกะ



วันพฤหัสบดีที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2552

การสมัครเขียน Blogger.com

1. เข้าสมัครสมาชิกได้ที่เว็บไซต์ http://www.blogger.com/





2. คลิกที่เริ่มสร้างบล็อกที่ CREATE YOUR BLOG NOW


3. กรอกรายละเอียดส่วนตัว ชื่อล็อกอิน / รหัสผ่าน / ชื่อบล็อก / อีเมล์เสร็จแล้วคลิกปุ่ม Continue





4. ระบุรายละเอียดของบล็อก
Blog title : ระบุชื่อบล็อกBlog address (URL) : ชื่อยูอาแอลสำหรับเรียกใช้งาน http://moofilm-feem.blogpot.com/World Verification : พิมพ์รหัสที่ระบบบอกมาเสร็จแล้วคลิกปุ่ม Continue




5 . ระบบจะแสดง Template ให้เลือกใช้งานหลายแบบ ให้ทำการ คลิกเลือก Template ที่ต้องการเสร็จแล้วคลิกปุ่ม Continue




6 . ระบบแสดงข้อความกำลังทำ การสร้าง blog ให้อยู่



7. ทำการสร้าง blog เสร็จแล้วให้คลิกปุ่ม START POSTING เพื่อทดสอบเข้าใช้งาน





8. พิมพ์รายละเอีย ดข้อความแรกในบล็อก หลังพิมพ์ฺเสร็จสามารถค ลิก preview ดูผลก่อนได้ เสร็จแล้วคลิกปุ่ม Publish Post



9. เสร็จสิ้นการติดตั้งเว็บบล็อกให้คลิกที่ View Blog เพื่อดูผล


10. แสดงบล็อกส่วนตัวที่สร้างเสร็จแล้วสังเกต url ด้านบนจะเป็น http://moofilm-feem.blogspot.com/



11. ที่นี้กรณีที่ต้องการเขียน Blog เพิ่มเติม หรือเข้าไปแก้ไข Blog สามารถล็อกอินเข้าได้ที่http://www.blogger.com/startพิมพ์ชื่อ username / Password เสร็จแล้วคลิกปุ่ม SIGN IN เพื่อเข้าระบบ



12. จะเข้าสู่หน้าต่างผู้ดูแลบล็อกสำหรับแก้ไข และปรับแต่งข้อมูลต่างๆ ดังรูปทำการแก้ไขข้อมูลต่างๆ ตามต้องการ






ประวัติผู้สร้างเมืองโบราณ

เล็ก วิริยะพันธุ์ เกิดเมื่อปี พศ.๒๔๕๗ ในครอบครัวนักธุรกิจชาวจีน ย่านสำเพ็ง เมื่อสำเร็จการศึกษา ขั้นพื้นฐานบิดาได้ส่งไปศึกษาต่อ ขั้นอุดมศึกษาที่เมืองเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน ช่วงนี้เองคุณเล็ก มีโอกาสเที่ยวศึกษาไปยังแหล่งศิลปวัฒนธรรมต่าง ๆ ได้สั่งสมความรู้ด้านศิลปะ ศาสนาและปรัชญาต่าง ๆ ไว้เป็นอันมาก จนเมื่อบิดาป่วยหนัก จึงได้กลับมาสานต่อ ธุรกิจของครอบครัว และจากการติดต่อ ค้าขายทางธุรกิจ ได้ชักนำให้คุณเล็ก พบคุณประไพ วิริยะพานิช ผู้ซึ่งได้กลายมาเป็นคู่ชีวิต ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการเป็นคู่คิด และแรงใจในการทำงาน จนคุณเล็กประสบความสำเร็จอย่างสูง ในแวดวงธุรกิจในระยะต่อมา ส่วนจุดเริ่มต้นความสนใจ ด้านศิลปะของคุณเล็กนั้น เริ่มจากการอ่าน และสะสมของเก่าตั้งแต่ช่วงยังเป็นนักธุรกิจเต็มตัว ยิ่งอ่าน ยิ่งศึกษา ยิ่งเกิดความหวงแหนในศิลปะ ของชาติ กอปรกับความสนใจในเรื่องปรัชญาศิลป วิทยาการเป็นพื้นฐาน ทำให้คุณเล็กเกิดแรงผลักดัน ที่จะคิดทำเมืองโบราณขึ้นมา โดยความตั้งใจแรกเพียงต้องการ ใช้ประโยชน์จากที่ดินขนาดใหญ่ สร้างเป็นสนามกอล์ฟที่มีขอบเขตตามรูปร่างแผนที่ประเทศไทย โดยจัดให้มีการจำลองโบราณสถาน สำคัญตามจุดต่าง ๆ ในพื้นที่ ให้คนได้เที่ยว ได้เห็น ได้รู้จักเท่านั้น

เที่ยวชมเมืองโบราณผ่านวิดีทัศน์





วันพุธที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2552

พาเที่ยวเมืองโบราณ จ.สมุทรปราการ



เมืองโบราณ เป็นพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีพื้นที่ประมาณ 500 ไร่ เริ่มก่อสร้างเมื่อปลายปี 2506 ตั้งอยู่ในเขตตำบลบางปูใหม่ อำเภอเมือง บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 33.5 ถนนสุขุมวิท (สายเก่า) ห่างจากตัวจังหวัด 8 กิโลเมตร เป็นศูนย์รวมปูชนียสถานที่สำคัญๆ ของแต่ละจังหวัด เช่น เขาพระวิหาร ปราสาทหินพนมรุ้ง วัดมหาธาตุสุโขทัย พระพุทธบาทสระบุรี พระธาตุเมืองนคร พระธาตุไชยา ฯลฯ โดยสร้างให้มีขนาดเล็กลง บางแห่งเท่าแบบจริงการสร้างฝีมือประณีต







สำหรับบางคนแล้ว อดีตนับเป็นสิ่งเลวร้ายที่ไม่น่าจดจำ แต่กับ เล็ก วิริยะพันธุ์ แล้ว อดีตถือเป็นสะพานเชื่อมต่อระหว่างปัจจุบันกับอนาคต ซึ่งชายชื่อเล็กแต่มักจะทำอะไรใหญ่ๆ ก็ได้สะท้อนแนวคิดนี้ออกมาด้วยการสร้าง เมืองโบราณ ขึ้นมาในปี พ.ศ. 2506 ด้วยการจำลองสถาปัตยกรรม และศิลปกรรมชิ้นโบว์แดง 76 จังหวัดทั่วไทยมารวมไว้ ในผังบริเวณ (สมัยนั้น) ที่จำลองให้คล้ายไทยแลนด์แดนขวานทอง และเมื่อแล้วเสร็จ ก็เปิดตัวอวดโฉมต่อสายตานักท่องเที่ยวเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2515 หลังจากนั้นเมืองโบราณก็สร้างโน่น สร้างนี่ เก็บเล็กผสมน้อยไปเรื่อย ซึ่งนับวันก็มีแต่น่าสนใจมากขึ้น ณ วันนี้ หากไปเที่ยวเมืองโบราณนอกจากเราจะได้เที่ยวชมและสัมผัสกับสุดยอดสถาปัตยกรรม และศิลปะกรรมจำลองแล้ว เรายังจะได้สัมผัสกับบรรยากาศแห่งอดีต ที่น่าจะหาที่ไหนไม่ได้อีกแล้วในเมืองไทย เริ่มกันตั้งแต่พอเสียเงินตีตั๋วค่าเข้าชม ทางเมืองโบราณก็ทำเก๋ด้วยการมีสตางค์รูเหรียญละ 20 บาท ให้แลกเอาไว้ใช้ซื้อของเฉพาะในเมืองโบราณ (ไม่สามารถนำไปใช้ข้างนอกได้) หรือเก็บกลับบ้านเป็นที่ระลึก เมืองโบราณจัดวางผัง ให้คล้ายแผนที่ประเทศไทย ฉะนั้น ตั้งแต่ประตูทางเข้า จะเป็นการเริ่มเที่ยวจากภาคใต้ ไล่ขึ้นไปเรื่อยๆ หากไปถึงช่วงเช้า เดินจากภาคใต้ขึ้นไปถึงภาคกลาง ก็จะถึงโซนตลาดน้ำช่วงกลางวัน บริเวณนี้ มีร้านค้า และร้านอาหารโบราณหลายร้าน อยู่รายรอบ การมาเที่ยวเมืองโบราณ ให้คุ้มค่า ควรใช้เวลาเต็มวัน เช้าถึงเย็น ส่วนรูปแบบการเที่ยวในเมืองโบราณก็มีทั้งเดิน ขี่จักรยาน (มีให้เช่า) นั่งรถราง และขับรถส่วนตัวชมเมืองโบราณ การขี่จักรยานชมเมืองโบราณ อาจถือว่าเป็นวิธีการเที่ยวเมืองโบราณที่ได้อรรถรสที่สุด เพราะจะไปถึงจุดที่ต้องการชม คล่องตัว รวดเร็ว เป็นการออกกำลังกายอีกทางหนึ่ง หรือจะซื้อตั๋วรถราง ซึ่งมีวิ่งตลอดวัน พร้อมมีไก๊ดบรรยาย อยากแวะลงจุดไหนก็ได้ตามสะดวก เมื่อเดินชมเสร็จ ก็รอรถรางคันต่อไป ส่วนขับรถชม บางจุดรถก็ผ่านไม่ได้



อย่างกับที่ ตลาดโบราณ หรือ ตลาดบก ที่อยู่ตรงช่วงกึ่งกลางผังรูปด้ามขวานทอง นี่หากขับรถ จะได้แค่ผ่าน แต่ถ้านำเจ้าจักรยานเข้าไปในช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ละก็ ขอบอกว่า สนุกมาก เพราะในนั้นนอกจากเราจะได้ดูการจำลองบรรยากาศตลาดในอดีต ที่หาดูที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว เรายังจะได้เพลิดเพลินไปกับการชม การช้อปของกิน ของขายแบบโบราณ โดยมีพ่อค้าแม่ค้าหน้าตาสมัยใหม่ปนโบราณแต่งชุดไทยพื้นขายของแบบน่ารักน่าซื้อมาก












ขอแนะำนำให้ไปเที่ยวชม พระที่นั่งสรรเพชญปราสาท และเมื่อถึงที่พระที่นั่งสรรเพชญฯ ก่อนเข้าชมภายใน ควรเดินสำรวจชมความงามรอบๆ พระที่นั่งฯ ที่สร้างขึ้นในสมัยพระบรมไตรโลกนาถ แห่งกรุงศรีอยุธยา โดยรวบรวมเอาเอกลักษณ์แห่งความเป็นอยุธยาเข้าไว้ด้วยกัน ไล่ไปตั้งแต่เสา หลังคา ลวดลายประดับต่างๆ โดยทางเมืองโบราณได้ค้นคว้าจากหลักฐานต่างๆที่เหลือ ก่อนที่จะมาถอดแบบเป็นผังและก่อสร้างออกมาโดยย่อลงมา 3 ใน 4 ส่วน จากของจริง ซึ่งไม่ได้งดงามแค่ภายนอกเท่านั้น









จุดที่น่าสนใจต่างๆ ซึ่งทางเมืองโบราณได้แบ่งออกเป็นภาค




ภาคกลาง

นอกจากพระนั่งสรรเพชญฯ ก็มีจุดน่าเที่ยว อาทิ มณฑปพระพุทธบาท จ.สระบุรี พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ที่อยู่ในพระบรมมหาราชวังในกทม.นี่เอง
















ภาคเหนือ
ที่โดดเด่นน่าชมก็มี หมู่บ้านไทยภาคเหนือ ให้อารมณ์ล้านนา ที่สงบ ร่มรื่น น่านั่งแช่เป็นวันๆมาก ส่วนวัดต่างๆก็โดดเด่นด้วยเอกลักลักษณ์เฉพาะตัวของวัดนั้นๆ ที่ไม่ควรผ่านเลยก็มี วิหารวัดภูมินทร์ จ.น่าน มองด้านนอกงดงามอ่อนช้อยมีบันไดพญานาคราช เลื้อยออกจากวิหาร ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัยหันหน้าไปตามทิศทั้งสี่ เรียกได้ว่าถอดแบบจากของจริงมาสร้างได้อย่างไม่มีที่ติจริงๆ











ภาคอีสาน
มีของดีให้ดูเพียบ ไปแล้วไม่น่าพลาดการชม พระธาตุพนม จ.นครพนม ปราสาทหินพนมรุ้ง จ.บุรีรัมย์ ปราสาทหินพิมาย แห่งโคราช ส่วนใครมีแรงเดินก็น่าจะขึ้นไปชม ปราสาทเขาพระวิหาร ที่หากวันดีคืนดีเขมรปิดเขาพระวิหารอีก เราก็ไม่เห็นต้องง้อ ไปดูที่เมืองโบราณก็ได้ แถมไม่ต้องกลัวเหยียบกับระเบิดด้วย
















ภาคตะวันออก
มี ตึกแดง แห่งจันทบุรี
สภาพดูเก่าแต่ก็มีความเก๋าตามแบบตึกไทยผสมฝรั่งเศส














ภาคใต้
นี่ก็อยู่ในช่วงด้ามขวานของแผนที่ (อย่างที่กล่าวไว้คือผังบริเวณยุคต้นๆ จำลองมาจากแผนที่ประเทศไทย) ซึ่งเป็นจุดที่ขี่จักรยานผ่านมาในช่วงแรกๆ ซึ่งทางเมืองโบราณได้ทำผังเป็นรูปแผนที่ประเทศไทย จุดน่าสนใจของภาคใต้จึงอยู่ในช่วงพื้นที่ด้ามขวาน ห่างจากทางเข้ามาไม่มากนัก โดยจุดน่าชมระดับคลาสสิกก็มี พระบรมธาตุ จ.นครศรีธรรมราช














การเที่ยวชมเมืองโบราณถือเป็นเรียนรู้อดีตอันยิ่งใหญ่และทันสมัยอยู่ตลอดเวลา เพราะว่าเรื่องราวในอดีตนั้นทำให้เราได้เรียนรู้ในปัจจุบัน และสามารถที่จะดำเนินชีวิตในอนาคตได้อย่างรู้เท่าทัน






รายละเอียดเกี่ยวกับเมืองโบราณ




  • ที่ตั้ง : ตำบลบางปู อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ

  • เปิดให้เข้าชมกันทุกวัน ตั้งแต่ 8.00 - 17.00 น. แล้วก็อยู่เที่ยวข้างในได้จนถึง 18.00 น.

  • ค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 100 บาท เด็ก 50 บาท เด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี คนละ 25 บาท อายุต่ำกว่า 5 ปี ไม่เสียค่าเข้าชม (ชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่คนละ 300 บาท เด็ก 200 บาท)ค่าจักรยาน (1 ที่นั่ง) 50 บาทค่ารถยนต์/รถตู้ (ไม่รวมคนขับ) คันละ 50 บาท รถราง + มัคคุเทศก์ ผู้ใหญ่ 150 บาท เด็ก 75 บาท




การเดินทาง :


  • รถยนต์ส่วนตัว จากกรุงเทพฯ ไปทางเส้นทางปากน้ำ (สายบางนา-สมุทรปราการ) ผ่านโรงเรียนนายเรือ ศาลากลางจังหวัด ถึงแยกหอนาฬิกา เลี้ยวซ้ายไปทาง ถ.สุขุมวิทสายเก่า ประมาณ กม.ที่ 33 (ประมาณ 8 กิโลเมตร) ก็จะเห็นทางเข้าเมืองโบราณทางซ้ายมือ

  • รถประจำทาง ขึ้นรถ บขส. ชลบุรี (สายเก่า) ที่สถานีขนส่งเอกมัยหรือขึ้นรถเมล์ ขสมก. สาย ปอ.8, ปอ.11, สาย 25, 102 ลงที่ปากน้ำ แล้วต่อรถเมล์เล็กท้องถิ่นสาย 36


























Top secret :: เทคนิคการเรียนภาษาจีนให้เก่ง

ถ้าทำตามนี้อย่างเคร่งครัด รับรองได้ผลอย่างเเน่นอน


1. ต้องรักภาษาจีนให้เหมือนแฟนเรา

2.อย่าขี้เกียจที่จะส่งการบ้านอาจารย์  อันนี้สำคัญมากนะครับ สำหรับคนที่เริ่มเรียน ถ้าขี้เกียจก็ไม่มีหวังที่จะเก่งหรอกครับ

3.ขยัน ฟัง/พูด/อ่าน/เขียน เป็นประจำ ถ้าเราได้ศัพท์มาใหม่ๆ สำคัญมากๆ  เราต้องฝึกหัดเเต่งประโยค ไม่ต้องรอให้อาจารย์ให้การบ้านหรอกครับ ฝึกได้เลย  ผิดถูกไม่เป็นไร  ถ้าไม่เเน่ใจให้ไปถามอาจารย์ ว่าถูกรึเปล่า

4.เทกนิคการพูดให้เก่ง

 *  สำหรับคนที่เริ่มเรียน อย่ามองข้ามพินอินนะครับ  เพราะพินอินทำให้เราออกเสียงได้ถูกต้องที่สุด หรือว่าดูหนัง / การ์ตูน ที่เซาแทรคภาจีนบ่อยๆ  เพื่อจะได้ให้เราพัฒนาสำเนียงภาษาจีนได้ดีอีกด้วย

 *  อย่าอาย ที่จะกระแดะพูดสำเนียงภาษาจีนในห้องเรียน ภาษาอื่นก็เหมือนกัน เพราะความอายไม่คู่ควรกับการเรียนภาษานะครับ
 
 *  ฝึกพูดกับตัวเองในกระจก ถามว่าจะพูดอะไรน่ะหรอ ก็พูดอะไรก็ได้ที่เป็นภาษาจีน ให้สมมุติว่าคนในกระจกคือเพื่อนของเรา
     มันอาจจะเป็นวิธีที่เพี๊ยน เเต่รับประกันความเห็นผลนะครับ

5. หาความรู้เพิ่มเติมนอกห้องเรียน เช่น มาอ่านบทความนี้เป็นต้น

6. กตัญญู รู้คุณประเทศจีน   คนจีนมีความเชื่อว่า การกตัญญู ทำให้เราไปสู่ความเจริญ



เรียนภาษาจีนจากเพลง

ActiveChinese lesson part 2

Beginner Chinese lesson part 1

เรียนพินอินและการออกเสียง (ฉบับสมบูรณ์)

ทักทายง่ายๆ ด้วยภาษาจีน :]

คำทักทาย



ำทักทายที่ใช้ได้ทุกเวลา ถ้าเปรียบกับคำไทยคือ " สวัสดี " แต่ภาษาจีนจะใช้คำว่า "หนีเห่า" 

ซึ่งแปล ตามตัว หนี (ความจริงเป็นเสียง 3 คือ หนี่ ) แปลว่า คุณ ส่วน เห่า แปลว่า ดี รวมกันคือ คุณดี 
ก็คือ สวัสดีนั่นเอง
 
[ดูรูป ประกอบคำว่า "หนีเห่า"] คำนี้จะใช้ได้ทุกเวลา


你好      ni hao     หนีห่าว      สวัสดี


แต่จะมีคำที่สุภาพมากกว่านี้ ใช้ในกรณีคนที่เราสนทนานั้น เป็นคนที่เราไม่รู้จัก หรืออาวุโสกว่า จะใช้คำว่า "หนินเห่า" ซึ่งหนิน แปลว่า ท่าน จะสุภาพกว่าหนี่ [ดูรูป ประกอบคำว่า " หนินเห่า"]


您好     nin hao   หนินห่าว    สวัสดี



คำทักทายที่ใช้เฉพาะเวลา


คำทักทายตอนเช้า จะใช้คำว่า "เจ่าอัน" เจ่า คือ อรุณ, เช้า อัน คือ สงบสุข รวมกันเป็น อรุณสวัสดิ์ จะใช้ได้เฉพาะตอนช่วงเช้าเท่านั้น [ดูรูป ประกอบคำว่า "เจ่าอัน"]


早安     zao an    จ่าวอัน     อรุณสวัสดิ์



คำทักทายตอนกลางวัน จะใช้คำว่า "อู่อัน" อู่ คือ เที่ยง, บ่าย อัน คือ สงบสุข รวมกันเป็น สวัสดีตอนเที่ยง จะใช้กับช่วงตอนเที่ยง, บ่าย [ดูรูป ประกอบคำว่า "อู่อัน"]


午安     wu an     อู่อัน     สวัสดีตอนเที่ยง



คำทักทายตอนค่ำ จะใช้คำว่า "หว่านอัน" หว่าน คือ กลางคืน, ค่ำ อัน คือ สงบสุข รวมกันเป็น ราตรีสวัสดิ์ จะใช้กับช่วงค่ำหรือกลางคืน [ดูรูป ประกอบคำว่า "หว่านอัน"]


晚安      wan an      หว่านอัน      ราตรีสวัสดิ์




-------------------------------------------


ที่มา :: http://writer.dek-d.com/noohin789/story/viewlongc.php?id=481082&chapter=24

การเขียนตัวอักษรจีน

笔顺



การลำดับขีดการเขียนตัวอักษรจีน
ณ ที่นี้จะข้อกล่าวถึงลำดับขีดพื้นฐานโดยทั่วไปมี 7 แบบ (ซึ่งในความเป็นจริงมีมากกว่า 7 แบบ บางตำรากล่าวถึง 13 แบบ )


1. บนลงล่าง




2. ขีดขวางแล้วค่อยขีดตั้ง






3. ตรงกลางก่อนแล้วซ้ายขวา

4.ตีกรอบนอก เขียนข้างในแล้วค่อยปิด



5. ป้ายซ้ายก่อนแล้วค่อยป้ายขวา




6.、ซ้ายก่อนแล้วค่อยขวา








7、ด้านนอกก่อนค่อยด้านใน












ตัวเลขหลัก หน่วย ตั้งแต่ 1ถึง 10





ตัวเลขหลักหน่วย 
ประกอบด้วย เลข 1-10 มีดังนี้




ตัวเลขหลัก "สิบ" ตั้งแต่ 11-99


เลข 11-19 จะต้องใช้ตัว นำหน้า แล้วตามด้วยเลขหลักหน่วย 1-9

ตัวอย่าง





เลข 21-99 จะต้องใช้ตัว อยู่ตรงกลาง


ตัวอย่าง




เลขที่ลงท้ายด้วยสิบ จะต้องใช้ตัว อยู่หลัง



ตัวอย่าง

          





ที่มา :: http://writer.dek-d.com/noohin789/story/view.php?id=481082



วันอังคารที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2552

เรียนภาษาจีน ง่ายนิดเดียว

พยัญชนะ สระ และวรรณยุกต์ ในภาษาจีน

พยัญชนะ

b = เปอ
p = เพอ
m = เมอ
f = เฟอ
d = เตอ
t = เทอ
n = เนอ
l = เลอ
g = เกอ
k = เคอ
h = เฮอ
j = จี
q = ชี
x = ซี
zh = จรือ
ch = ชรือ
sh = ซรือ
r = ยรือ
z = จือ
c = ชือ
s = ซือ พยัญชนะพิเศษ
y = อี
w = อู



สระ

a = อา
o = ออ
e = เออ
i = อี
u = อู
u = อวี (จะมีจุด 2 จุดบนหัวตัว u)
ai = ไอ
ei = เอย
ui = เวย
ao = เอา
ou = โอว
iu = โยว
ie = เอ
ue = เว
er = เอรอ an = อัน
en = เอิน
in = อิน
un = อุน
un = อวิน (จะมีจุด 2 จุดบนหัวตัว u)
ang = อัง
eng = เอิง
ing = อิง
ong = อง



วรรณยุกต์

สามัญ - อิน
จัตวา / ยั๋ง(หยัง)
เอก v ซั่ง(ส่าง)
โท \ ซวี่






ที่มา :: http://writer.dek-d.com/alexzandra/story/view.php?id=218300

วันพฤหัสบดีที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2552

คิน แชยอง



http://satolokin.blogspot.com

ยงยุทธ เหล่าศรี




วันเฉลิม ยวงใย




poy







http://poy-nana.blogspot.com

ธัญลักษณ์ สีแสด



My Photo
http://a-nn-y.blogspot.com

rcawaii



http://rcawaii.blogspot.com

อรอนงค์ โลเเพทย์




slide เก็บตกภาพที่บ้าน




JamDekBiotech

http://jambiotech.blogspot.com